นอกจากมลภาวะทางอากาศ หรือ มลภาวะทางน้ำ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตต่างๆ แล้ว มลภาวะทางแสงก็มีส่งผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน โดยการลดมลภาวะทางแสง ไม่จำเป็นว่าต้องปิดไฟทั้งหมด เรามาดูกันว่า การที่จะลดมลภาวะทางแสงได้นั้น มีขั้นตอนอย่างไร
4 ปัจจัยที่นำมาพิจารณา เพื่อให้ได้แสงสว่างที่มีประสิทธิภาพ และคุณภาพที่ดีกว่า สำหรับการใช้งานภายนอกอาคาร:
ใช้แสงสว่างเฉพาะพื้นที่ที่ต้องการส่องสว่าง
การควบคุมทิศทางของแสงสว่างให้ส่องเฉพาะบริเวณที่เราต้องการ นอกจากจะช่วยลดการใช้พลังงานแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้แสงสว่างส่องขึ้นสู่ท้องฟ้า หรือพื้นที่พักอาศัยของเพื่อนบ้าน
จากรูปภาพตัวอย่าง โคมสะท้อนแสง หรือ reflector ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญของโคมไฟโดยทำหน้าที่ ควบคุมทิศทางและลักษณะการกระจายแสง จากรูปภาพตัวอย่างโคมไฟด้านซ้ายเป็นตัวอย่างลักษณะการส่องสว่างของโคมไฟที่ไม่มี reflector ทำให้ทิศทางของแสงส่องกระจายโดยรอบ ไม่ได้ส่องไปเฉพาะพื้นที่ที่เราต้องการใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่จะส่องขึ้นบนท้องฟ้าและบ้านพักอาศัยที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เกิดมลภาวะทางแสง
ในขณะที่โคมไฟด้านขวาเป็นตัวอย่างของลักษณะโคมไฟที่ช่วยลดมลภาวะทางแสง โดยมี reflector ช่วยลดแสงสว่างในพื้นที่ที่ไม่ใช้งาน นอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ยังช่วยให้ประสิทธิภาพการมองเห็นดีขึ้น
เลือกใช้แสง Warm หรือ Soft white แทนแสง Daylight
แสงขาวจะฟุ้งในอากาศได้มากกว่ากลุ่มแสงสีอุ่น ทำให้แสงกระจายในท้องฟ้า มองเป็นดาวได้ยากกว่าเมื่อเทียบกับแสง Warm ควรหลีกเลี่ยงการใช้แสงสีน้ำเงินหรือแสงขาวในเวลากลางคืน เนื่องจากการสะท้อนค่อนข้างมาก นอกจากนี้แสงสีขาวและแสงสีน้ำเงินอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ สัตว์ป่า พืช และสุขภาพของมนุษย์
เลือกใช้ความสว่างเท่าที่เหมาะสมกับพื้นที่
โดยปกติ โคมไฟสำหรับที่อยู่อาศัยแนะนำใช้เพียง 800 ลูเมน เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้แสงสว่างที่เกินความจำเป็นในพื้นที่ เนื่องจากเป็นการสูญเสียทั้งพลังงานและทำให้การมองเห็นลำบากมากขึ้น เนื่องจากต้องปรับตาสู่สภาวะแสงสว่างในตอนกลางคืน การใช้แสงสว่างมากขึ้น ไม่ได้แปลว่าจะดีเสมอไป
หากไม่ได้ใช้แสงสว่างในช่วงนั้น แนะนำให้ปิดไฟ หรือตั้งเวลาให้ปิดอัตโนมัติ
ตรวจสอบการใช้งานของแสงสว่างว่ามีเหตุผลในการเปิด กรณีกังวลเรื่องความปลอดภัย แนะนำติดตั้ง motion sensor หรือกล้อง infrarate ในการตรวจสอบพื้นที่ แทนการเปิดไฟตลอดทั้งคืน การเปิดไฟตลอดเวลาอาจทำให้เป็นเป้าหมาย และอาจทำให้โดนขโมยของได้ง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะในที่มืด มีการศึกษาพบว่า การปิดไฟหลัง 4 ทุ่มหรือหลังเที่ยงคืน ช่วยลดอัตราอาชญากรรมและอุบัติเหตุ ในขณะที่การเปิดไฟตลอดเวลากลับเพิ่มอัตราอาชญากรรมในบางสถานการณ์
ไฟส่องสว่างสำหรับป้าย และไฟประดับของร้านค้า มักปิดเมื่อปิดร้านหรือก่อน 5 ทุ่ม